ASN Broker เปิดเกมรุกตลาดนายหน้าประกันภัยฯ ชูกลยุทธ์ QC Tele Marketing
ASN Broker เปิดเกมรุกตลาดนายหน้าประกันภัยฯ ชูกลยุทธ์ QC Tele Marketing 100% สู่บริษัทอันดับ1ในใจผู้บริโภค
ASN Broker เปิดเกมรุกตลาดนายหน้าประกันในไทย ประกาศใช้กลยุทธ์ QC การขายแบบ Tele Marketing 100% ยึดหลักความถูกต้องตามกฏ คปภ.และประโยชน์สูงสุดของลูกค้า มัดใจผู้บริโภคขึ้นสู่ตำแหน่ง บริษัทยอดเยี่ยมอันดับหนึ่งในดวงใจ "ธวัชชัย ชีวานนท์" ผู้บริหารไฟแรงระบุ วางระบบที่ตอบสนองความต้องการลูกค้าอย่างแท้จริง การันตีไม่มีมัดมือชกแน่นอนเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยื่นในอนาคต ตั้งเป้าเบี้ยรับรวมปีนี้ 1,100 ล้านบาท โต 25% จากปีก่อน
นายธวัชชัย ชีวานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASN Broker ผู้ประกอบธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย และประกันชีวิตในระบบการขายผ่านโทรศัพท์ หรือ เทเล มาร์เก็ตติ้ง (Tele Marketing) ที่ได้มาตรฐานระดับแนวหน้าของไทย เปิดเผยถึงทิศทางการขยายธุรกิจนายหน้าประกันฯ ท่ามกลางกระแสการแข่งขันรุนแรงว่า บริษัทฯ มุ่งสร้างความน่าเชื่อถือและสร้างการยอมรับในกลุ่มผู้บริโภค ควบคู่กับการสร้างยอดขายและรายได้ เพื่อขึ้นสู่เป้าหมายบริษัทนายหน้าประกันวินาศภัยและประกันชีวิตอันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดกับพันธมิตรทางธุรกิจ พร้อมที่จะเติบโตและก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
เขากล่าวว่า การขึ้นสู่เป้าหมายบริษัทนายหน้าประกันวินาศภัยและประกันชีวิตยอดเยี่ยมอันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค ในระบบการขายแบบ Tele Marketing ในประเทศไทย บริษัทฯ ใช้กลยุทธ์ยึดมั่นในมาตรฐานความถูกต้อง โปร่งใส ตามกฎกติกาของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ตั้งแต่ขั้นตอนการขายจนถึงขั้นตอนกรรมธรรม์ถึงมือลูกค้า นอกจากนั้นยังมีระยะเวลาการตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัย (Free Look Period) โดยให้สิทธิ์ผู้เอาประกันภัยสามารถยกเลิกกรมธรรม์ได้ภายในเวลาถึง 30 วัน เพื่อให้ลูกค้าซื้อประกันจากบริษัทฯด้วยความเต็มใจและพึงพอใจ
"ความแตกต่างของการเป็นนายหน้าประกันวินาศภัยและประกันชีวิตของ ASN Broker ที่แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นโดยเฉพาะรายเล็กก็คือ เรามีระบบตรวจสอบการซื้อประกันของลูกค้า(QC : Quality control) ถึง 100% อย่างชัดเจนตั้งแต่ขั้นตอนการขายของ Tele Sale คือหลังจบการขายแล้ว จะมีทีม QC เข้ามาตรวจสอบการเจรจาซื้อขายระหว่างพนักงานและลูกค้าในทุกๆ สัญญา ว่าให้ข้อมูลกรมธรรม์กับลูกค้าครบถ้วนหรือไม่ ถูกต้องหรือไม่ ลูกค้ายินยอมซื้อด้วยความเต็มใจหรือไม่ ก่อนดำเนินการออกเอกสารสัญญาในลำดับขั้นตอนต่อไป เพื่อให้การซื้อประกันอยู่บนข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และเพื่อป้องกันปัญหาการซื้อประกันที่ไม่รับความยินยอมจากผู้บริโภคอย่างแท้จริง ทำให้ที่ผ่านมาเราไม่มีปัญหากับลูกค้าเรื่องการซื้อประกัน ซึ่งเราเชื่อว่าระบบ QC ที่ดีจะทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่น และได้รับประโยชน์สูงสุดจากการซื้อประกันทุกรายการ และในที่สุด ASN Broker จะเข้าไปนั่งอยู่ในใจลูกค้า" นายธวัชชัยกล่าว
ปัจจุบัน บริษัทฯ รับเป็นนายหน้าขายประกัน 2 ประเภทคือ ประกันวินาศภัยประกันภัยรถยนต์ ให้กับบริษัทประกันชั้นนำรวมกว่า 10 บริษัท มีสัดส่วนเบี้ยประกันถึง 75% ของเบี้ยประกันทั้งหมด และประกันชีวิตให้กับบริษัทประกันชีวิต 2 ราย มีสัดส่วนเบี้ยประกัน 25% ของเบี้ยประกันทั้งหมดประมาณ 880 ล้านบาทในปี 2557 ที่ผ่านมา โดยมีทีมขาย หรือ Telesale Agent รวม 200 คน และในปี 2558 บริษัทฯ ตั้งเป้าเบี้ยรับรวมกว่า 1,100 ล้านบาท เติบโตขึ้น 25% จากปี 2557 ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าการเติบโตของภาพรวมอุตสาหกรรม โดยในปี 2557 ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยประกันภัยรถมีมูลค่ารวม 117,903 ล้านบาทเติบโตติดลบ0.47% จากปีก่อน (ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย)
"บริษัทมีจุดแข็งในการดำ เนินงานที่มีความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น โดยเฉพาะราย เล็ก ด้วยระบบการตรวจสอบการซื้อ ประกันของลูกค้าถึง 100% ตั้งแต่ขั้น ตอนการขายของทีมขายบริการหลัง การขาย ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบการเจรจาซื้อขายระหว่างพนักงานและลูกค้า ทำให้ที่ผ่านมาบริษัทไม่เคยมีปัญหากับลูกค้าเรื่องการซื้อประกัน" นายธวัชชัยกล่าว
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนหาพาร์ต เนอร์ทางธุรกิจรายใหม่เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมี 2 แห่ง คือ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต และ บมจ.พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต นอกจากนี้ ยังมีแผนเจาะกลุ่มลูกค้าองค์กร จากปัจจุบันที่เน้นการขายเฉพาะกลุ่มลูกค้ารายย่อย คาดว่าในปี 2559 จะเริ่มรุกกลุ่มลูกค้าองค์กรผ่านช่องทางขายตรง โดยปัจจุบันบริษัทมีลูกค้ารวมประมาณ 20,000 ราย
สำหรับปีนี้ตั้งเป้ามีเบี้ยประกันภัยรับรวม 1,100 ล้านบาท เติบโต 25% และตั้งเป้ามีกำไรจากค่าคอมมิชชั่นเฉลี่ย 20% หรือประมาณ 200 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 880 ล้านบาท เติบโต 8% จากประกันวินาศภัย 75% และประกันชีวิต 25%.
ที่มา: โพสต์ทูเดย์