เอเอสเอ็น เล็งเข้าตลาดเอ็มเอไอปีหน้ายกระดับเป็นโบรกเกอร์กลางใน 3 ปี เบี้ยแตะ 3 พันล้าน
เอเอสเอ็นโบรกเกอร์ลุยไฟเข้าในตลาด เอ็มเอไอปี59 ล่าสุดเตรียมแต่งตั้ง ที่ปรึกษาทางการเงิน 1-2เดือนนี้ รองรับขยายธุรกิจ
ตั้งเป้าใน3ปี สู่โบรกเกอร์ประกันขนาดกลาง เบี้ยรับแตะระดับ 2,000-3,000 ล้านบาท โตต่อปีไม่ต่ำกว่า25% จากปีนี้มั่นใจเข้าเป้า 1,100ล้านบาท พร้อมเปิดแผนจีบลูกค้าใหม่ปีหน้า เล็งเพิ่มพันธบัตรประกันรถยนต์ เจาะกลุ่มรถเสี่ยงต่ำทำกำไรและเบี้ยคุ้มค่า
คุณธวัชชัย ชีวานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอสเอ็นโบรกเกอร์ จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่า บริษัทยังมุ่งมั่นเข้าจดทะเบียนใน ตลาดเอ็มเอไอต้นปี 2559 เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจทางด้านช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านระบบเทเลมาร์เก็ตติ้ง 2.การลงทุนระบบเทคโนโลยีที่สามารถวิเคราะฆ์ข้อมูลลูกค้าเพื่อสนับสนุนการขาย และการสร้างระบบการชำระเงินที่สะดวกสบาย
ขณะนี้บริษัทอยู่ในช่วงเตรียมความพร้อมทั้งปรับโครงสร้างระบบงานภายในและระบบบริหารความเสี่ยงด้านต่างๆรวมทั้ง กำลังพิจารณาเลือก ที่ปรึกษาทางด้านทางการเงินคาดว่าจะประกาศแต่งตั้ง บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินได้ปลายเดือนตุลาคม หรือต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน60ล้านบาท
โดยตั้งเป้าหมายภายในปี2561บริษัทจะขยับขึ้นเป็นบริษัท นายหน้าประกันฯขนาดกลาง มีรายได้จากเบี้บรับรวมไปถึงระดับ 2,000-3,000ล้านบาท หรือเติบโตมากกว่า25%ต่อปีถือว่าเป็นความท้าทายอย่างมาก ในภาวะตลาดอุตสาหกรรมนายหน้าฯ และธุรกิจประกันภัยยังแข่งขันรุนแรง
อย่างไรก็ดีปีนี้บริษัทยังมั่นใจว่าจะมีเบี้ยรับรวมเติบโตตามเป้าที่1,100ล้านบาทเติบโตจากปีก่อน25%มีเบี้ยรับรวมที่880ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์และช่วงครึ่งแรกปีนี้สามารถทำเข้าเป้าแล้ว50%แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจปี2559บริษัทจะเพิ่ม พันธมิตรใหม่ที่เป็นบริษัทประกันวินาศภัยปัจจุบันมี15ราย เน้นทำตลาดประกันภัยรถยนต์เจาะกลุ่มยี่ห้อรถที่มีความเสียหายต่ำมีโอกาสทำกำไรมากที่สุดและสามารถกำหนด เบี้ยประกันกับลูกค้าได้คุ้มค่า เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นจากขณะนี้มีฐานลูกค้าประกันรถยนต์50,000ราย และมียอดลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย1,500รายต่อเดือนและจะพยายามรักษาระดับ อัตราต่ออายุกรมธรรม์ที่85%เช่นนี้ด้วย
หลังจากปีนี้บริษัทมุ่งสร้างความแตกต่างในระบบขายเทเลมาร์เก็ตติ้่งตามหลักเกณฑ์ของ คปภ. ตั้งแต่ขั้นตอนการขายจนถึงขั้นตอนกรมธรรม์ถึงมือลูกค้าด้วยระบบ ตรวจสอบการซื้อของลูกค้า(Quality Control) เข้าไปตรวจสอบการเจรจาซื้อขายระหว่างพนักงานกับลูกค้าในทุกๆสัญญา และยังมีระยะเวลา การตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัย (Free Look Period)ให้สิทธิ์ผู้เอาประกันภัยสามารถยกเลิกกรมธรรม์ได้ภายในระยะเวลา30วัน
ส่วนการขยายตลาดทางด้านธุรกิจประกันชีวิตถือว่า เป็นตลาดที่น่าสนใจในอนาคตซึ่งบริษัทจะต้องวางระบบให้พร้อมรองรับ การขยายงานให้ครบวงจรก่อน จากปัจจุบันบริษัท2ราย คือ พรูเด็นเชียลประกันชีวิตและเมืองไทยประกันชีวิต
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ